หลุมสิว คืออะไร ป้องกันอย่างไร หลุมสิวแบบไหนต้องไปคลินิกรักษาหลุมสิว

ใครๆ ก็อยากมีผิวสวย หน้าใสกันทั้งนั้น จริงไหม สิว คือปัญหากวนใจโดยเฉพาะหลุมสิวทำให้ใบหน้าของเราไม่เรียบเนียนจนขาดความมั่นใจ ถ้าปล่อยไว้นานไม่ดีแน่มันคงบั่นทอนจิตใจของเราไปอีกนาน ดังนั้น เราจำเป็นต้องรักษาอาจไปที่คลินิกรักษาหลุมสิว รวมถึงหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดหลุมสิวขึ้นอีก

หลุมสิว คืออะไร มาทำความรู้จักกัน 

หลุมสิว คือ ร่องรอยที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ เมื่อสิวหายไปเซลล์ผิวและคอลลาเจนจะเกิดกระบวนการซ่อมแซมตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลเป็น ใช้ระยะเวลาในการซ่อมแซมประมาณ 7-10 วัน เซลล์ผิวและคอลลาเจนจะล้อมรอบบริเวณที่อักเสบ แต่กระบวนการนี้ไม่เสร็จสมบูรณ์ผิวอาจมีการอักเสบถึงขั้นรุนแรง คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่สามารถทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปได้ เซลล์เนื้อเยื่อมีภาวะหดตัวหรือรัดตัว ในท้ายที่สุดแล้วจึงเกิดรอยแผลหรือหลุมสิวเกิดขึ้นนั่นเอง 

หลุมสิว มาจากสิวที่มีลักษณะอย่างไร 

  • สิวหัวหนอง สิวที่มีการติดเชื้อหรือสิวอักเสบเรื้อรัง
  • สิวอุดตัน สิวหัวช้างเม็ดใหญ่ มีหนองปนเลือดภายใน ในระยะเวลาในการรักษานาน 
  • สิวที่มีการติดเชื้อและแบคทีเรียได้ลุกลามไปถึงชั้นใต้ผิว 

หลุมสิวมีลักษณะอย่างไร 

หลุมสิวจะมีลักษณะเป็นหลุมขนาดเล็กบนผิว ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน ขรุขระ มีรอยบุ๋ม หากเทียบกับผิวหนังในบริเวณข้างเคียงจะสังเกตเห็นหลุมสิวได้ชัดเจนมาก บางคนมีหลุมสิวเพียงเล็กน้อยแต่บางคนกระจายทั่วใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูโทรม ดูมีอายุ ไม่สดใส ขาดความมั่นใจหรือต้องเมคอัพเสียเวลาปกปิดนาน บางคนขนาดเมคอัพหนาๆ แล้วยังเอาไม่อยู่ ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่คลินิกรักษาหลุมสิว 

ประเภทของหลุมสิว 

1.Rolling Scar 

หลุมสิวที่มีระดับความรุนแรงน้อยเป็นหลุมสิวทั่วไป มีลักษณะเป็นหลุมตื้น เกิดขึ้นที่บริเวณผิวส่วนบนเพียงเล็กน้อย การรักษาทำได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงหลุมสิวขนาดเล็กไม่รุนแรงมากแต่ก็อาจสร้างความรำคาญใจให้กับใครหลายได้เหมือนกัน

2.Bix Scar

หลุมสิวประเภทนี้ มีลักษณะเป็นบ่อ มีความกว้างและมองเห็นขอบหลุมสิวได้อย่างชัดเจน มีความลึกของหลุมสิว ประมาณ 3-5 มิลลิเมตร จัดอยู่ในหลุมสิวที่มีความรุนแรงปานกลาง อาจพบพังผืดมาเกาะติดที่ชั้นหนังแท้ สาเหตุมักมาจากสิวอักเสบชั้นลึกหรือคนที่เป็นอีสุกอีใส 

3.Ice Pick Scar 

หลุมสิวขนาดเล็ก ปากแผลไม่กว้าง มีขนาดไม่เกิน 2 มม. แต่มีระดับความรุนแรงมาก สาเหตุเกิดจากเป็นสิวแล้วไปบีบหรือกดสิว จนทำให้สิวอักเสบ สิวจะกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน หลุมสิวประเภทนี้รักษาได้ยาก มักทำลายลึกไปจนถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำลายคอลลาเจน หลุมสิวจะมีแนวลึก การฟื้นฟูทำให้รอยหลุมตื้นอาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร 

ป้องกันหลุมสิวได้อย่างไร 

  • เมื่อเป็นสิว ไม่ว่าจะสิวชนิดไหนก็ตาม ห้ามบีบหรือแกะ ไม่ควรขัดถูใบหน้าแรงๆ หรือบีบเค้นให้สิวหลุด เนื่องจากมือของเราอาจสกปรก ไม่สะอาด อาจมีเชื้อโรค แบคทีเรียและมีโอกาสที่สิ่งเหล่านั้นจะแพร่กระจายจนสิวได้รับการติดเชื้อได้ เมื่อสิวติดเชื้อจะอักเสบ เซลล์เนื้อเยื่อถูกทำลายในชั้นผิวลึก ร่างกายใช้ระยะเวลานานในการสมานแผล ยิ่งปล่อยไว้นานจะเกิดพังผืดขึ้นมาจนเกิดหลุมสิวแบบถาวรและยากต่อการรักษา 
  • เมื่อเป็นแผลจากสิว และแผลใกล้หลายแล้ว หลายคันไม้คันมือชอบแกะเกาสะเก็ดแผล รู้หรือไม่ว่าสะเก็ดแผลหากถูกแกะเกาออกไป จะทำให้กระบวนการสร้างแผลเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง และส่งผลทำให้แผลหายช้าได้ 
  • ในกรณีที่เป็นสิว เช่น สิวเม็ดใหญ่หรือสิวหัวช้างกระจายไปทั่วทั้งใบหน้า ไม่ควรชะล่าใจต้องรีบเข้ารับการรักษา หรือไปที่คลินิกรักษาสิวโดยเฉพาะ หากรีบรักษาให้สิวหายเร็ว รวมถึงการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ก็จะมีโอกาสเกิดหลุมสิวได้น้อย 

เมื่อเป็นหลุมสิวควรดูแลตนเองอย่างไร 

เมื่อเกิดหลุมสิวขึ้นบนใบหน้า ต้องอาศัยวิธีการทางการแพทย์ รวมถึงการดูแลตนเองเมื่อเป็นหลุมสิวจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด แนวทางการดูแลเมื่อเป็นหลุมสิว มีดังต่อไปนี้ 

  • ดูแลรักษาความสะอาดเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ หรือเกิดการอักเสบซ้ำ ควรล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็น สำคัญเลยคือต้องล้างเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนเข้านอน ลดการทานอาหารหวานมันด้วย 
  • เมื่อเป็นหลุมสิว ไม่ควรไปสัมผัสในบริเวณนั้น งดการแกะ เกา บีบ ลูบ หรือเช็ดถูแรงๆ 
  • ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางเพื่อปกปิดในบริเวณที่เป็นหลุมสิว 
  • ไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น สารเคมี ควัน หรือสิ่งสกปรกเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ 

หลุมสิวแบบไหนต้องไปคลินิกรักษาหลุมสิว

เมื่อสิวหาย ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวช้าง หรือสิวอักเสบ สิวที่ติดเชื้อแบคทีเรียลุกลามไปยังใต้ชั้นผิว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ รอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิว อย่างที่บอกว่าหลุมสิวมีระดับความรุนแรงที่ต่างกัน ไม่ต้องรอให้เกิดความรุนแรงมาก แต่คุณสามารถเข้ารักษาหลุมสิวได้เลยทันที อย่าปล่อยเอาไว้นาน ยิ่งรักษาได้เร็ว ก็มีโอกาสหายเร็วใบหน้าจะกลับมาสดใส เรียบเนียนและมีความมั่นใจอีกครั้งแน่นอน 

จริงๆ แล้วหลุมสิว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ถ้าไม่รีบรักษา หลุมสิวอาจสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคุณได้ หากเป็นสิวหรือหลุมสิวไม่ควรปล่อยไว้นาน โดยเฉพาะถ้าเป็นในระยะแรกแรกควรเข้ารับการรักษาหรือไปที่คลินิกรักษาหลุมสิว อย่าลืมดูแลตนเองปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย 

 

You cannot copy content of this page